ริ้วรอย ความหย่อนคล้อย ผิวที่ไม่สดใส มักจะมากับอายุที่เพิ่มมากขึ้น
ยิ่งในวัย 30+ ก็ยิ่งเป็นปัญหากวนใจ ที่ทำให้ใครหลายคนสูญเสียความมั่นใจอยู่ไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะคะ
และเพราะเราเข้าใจถึงความรู้สึกของคุณ ที่ต้องเผชิญกับปัญหากวนใจเหล่านี้
วันนี้เราจึงรวบรวมเอาเคล็ดลับ 9 วิธีที่จะทำให้คุณคงความสวย ดูดี เหมือนวัยสาวมาฝากกันค่ะ
จะมีอะไรบ้าง ตามเราไปดูกันเลยค่ะ
– นอนหลับให้เพียงพอ
สำหรับสาวๆวัย 30+ หลังจากทำงานมาทั้งวัน ต้องไม่ลืมที่จะจัดการกับเวลาในการนอนที่เหมาะสม เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
ซึ่งเวลาในการนอนที่เหมาะสมนั้นจะอยู่ที่ 6-8 ชั่วโมง ต่อวัน และควรเข้านอนไม่เกิน 4 ทุ่ม เพื่อให้ร่างกายหลั่งโกรทฮอร์โมนได้ดี ซึ่งโกรทฮอร์โมนนี้เอง ที่มีส่วนช่วยทำให้ผิวของคุณดูอ่อนเยาว์
ที่สำคัญคือ ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ หรือน้ำอัดลม ก่อนเข้า นอนนะคะ
เหตุผลก็เพราะเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกาเฟอีนจะไปกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการตื่นตัว ซึ่งจะเป็นอุปสรรคในการนอนหลับได้ค่ะ
– ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
แน่นอนว่าถ้าอยากมีหุ่นที่สวย แถมมีผิวพรรณที่เปล่งปลั่งสดใส การออกกำลังกายก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยได้ดี
โดยเวลาในการออกกำลังกายที่เหมาะสมคือ 15-30 นาทีต่อวัน หรือประมาณ 150 นาทีต่อสัปดาห์
การออกกำลังกายจะช่วยทำให้ระบบการไหลเวียนโลหิตทำงานได้ยิ่งดีขึ้น
อีกทั้งการออกกำลังกายยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเจ้าตัวคอลลาเจนนี้เองที่จะช่วยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส ดูมีเลือดฝาด และยังช่วยให้ผิวตึงกระชับได้อีกด้วยค่ะ
– รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ตามหลักโภชนาการ เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดีจากภายในสู่ภายนอก
ลดการรับประทานของหวาน ของมัน และของเค็ม เพราะของหวาน มัน และเค็ม เป็นตัวการหลักที่ทำให้สุขภาพเสีย โดยเฉพาะของหวานที่เป็นศัตรูตัวร้ายทำลายผิว
เหตุผลก็เพราะ ปริมาณน้ำตาลที่สูง จะไปทำลายคอลลาเจน จึงเป็นสาเหตุทำให้ผิวแก่และทำให้เกิดริ้วรอยได้นั่นเองค่ะ
– ดื่มน้ำเปล่า
อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยทำให้คุณมีทั้งสุขภาพที่ดีและผิวพรรณที่สดใส นั่นก็คือการดื่มน้ำเปล่าค่ะ
การดื่มน้ำเปล่าเพื่อให้ได้สุขภาพและผิวพรรณที่ดี ควรดื่มประมาณ 8-10 แก้วต่อวัน หรือคำนวณตามน้ำหนักตัว โดยมีวิธีการคำนวณดังนี้ค่ะ
น้ำหนักตัว x 2.2 x 30/2 = ปริมาณน้ำ(มิลลิลิตร)
ตัวอย่างเช่น หากมีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 50 กิโลกรัม จะเท่ากับ 50 x 2.2 x 30/2 = 1,650 มิลลิลิตร คือปริมาณของน้ำที่ควรดื่มในแต่ละวันค่ะ
โดยการดื่มน้ำที่ดีนั้น ไม่ควรดื่มปริมาณมากๆในครั้งเดียว แต่ควรจิบทีละน้อย ทุกๆ 5-10 นาที
หรือ ดื่ม 1 แก้วหลังตื่นนอน ก่อนรับประทานอาหารประมาณ 30 – 60 นาที 1 แก้ว หลังจากรับประทานอาหาร 1 แก้ว และก่อนนอนอีก 1 แก้ว
การดื่มน้ำเปล่าในปริมาณที่พอเหมาะและดื่มอย่างถูกวิธี จะช่วยขับของเสียในร่างกายและข่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากทำเป็นประจำ ก็จะช่วยทำให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่งและเรียบเนียนขึ้นได้ค่ะ
– ทาครีมบำรุง
หลังจากการทำความสะอาดผิวหน้า ควรทาครีมบำรุงผิวทุกวัน เพื่อช่วยปลอบประโลมผิวที่อ่อนล้า จากการเผชิญกับมลภาวะ ฝุ่นควันและสิ่งสกปรก
และเนื่องจากวัย 30+ เป็นวัยที่ผิวเริ่มกักเก็บความชุ่มชื้นได้น้อยลงบวกกับเริ่มมีปัญหาริ้วรอยแห่งวัย การหมั่นทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำ เป็นส่วนหนึ่งของการช่วยชะลอริ้วรอยและช่วยคงความชุ่มชื้นให้กับผิวได้
แต่ทั้งนี้ ควรเลือกครีมที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณด้วยนะคะ เพราะไม่เช่นนั้นจากที่จะช่วยให้ผิวหน้าคงความสดใสอ่อนเยาว์ อาจทำให้ผิวแย่ลงกว่าเดิมได้ค่ะ
นอกจากนี้ ในวงการการศัลยกรรม ยังมีวิธีที่ช่วยชะลอความเหี่ยวย่นและจัดการกับปัญหาริ้วรอยต่างๆได้หลากหลายวิธีด้วยกัน อาทิ
– ฉีด Botox
การฉีด Botox คือการฉีดสาร Botulinum toxin A เข้าไปในบริเวณที่ต้องการให้เกิดความตึงกระชับ
ด้วยคุณสมบัติของสาร Botulinum toxin A ที่สามารถทำให้เกิดการคลายตัวของกล้ามเนื้อได้ เมื่อฉีดในปริมาณและตำแหน่งที่เหมาะสม จึงสามารถทำให้ริ้วรอยในบริเวณนั้นจางลงได้
หลังจากการฉีด Botox แล้ว จะไม่มีอาการบวมแดงปรากฎ จึงไม่จำเป็นต้องพักฟื้น ซึ่งจะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจนใน 1 สัปดาห์ และผลลัพธ์จะอยู่นานประมาณ 3-6 เดือน
ทั้งนี้ การฉีด Botox ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นนะคะ เพราะถ้าหากฉีดกับแพทย์ผู้ไม่มีความชำนาญมากพอ ก็อาจจะไม่เห็นผล หรือไม่ก็อาจจะได้ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ดังใจได้ค่ะ
และถึงแม้ว่าการฉีด Botox จะมีค่าใช้จ่ายที่มากกว่าการทาครีมบำรุงผิวเพียงอย่างเดียว
แต่การฉีด Botox นั้นให้ผลลัพธ์ที่ดี รวดเร็ว ประหยัดเวลา และเป็นการแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดมากกว่า จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีดีๆ สำหรับผู้ที่อยากจะจัดการกับปัญหาริ้วรอยที่เราอยากแนะนำค่ะ
– ฉีด Filler
เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ผิวของเราจะเกิดริ้วรอย ความเหี่ยวย่นได้ง่าย นั่นเป็นเพราะร่างกายของเราผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง
การฉีดฟิลเลอร์ หรือ สารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (HA) จะช่วยทำให้ริ้วรอยร่องลึก ดูเรียบเนียนมากยิ่งขึ้นได้
นั่นก็เพราะฟิลเลอร์ หรือ สารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (HA) มีคุณสมบัติในการช่วยกักเก็บน้ำใต้ชั้นผิว ช่วยเพิ่มปริมาณของเส้นใยคอลลาเจน เติมเต็มช่องว่างใต้ชั้นผิว จึงช่วยให้ผิวดูตึงกระชับ มีน้ำมีนวลมากยิ่งขึ้น หลังจากฉีดฟิลเลอร์จึงทำให้ริ้วรอยดูตื้นขึ้นได้นั่นเองค่ะ
แต่การจะฉีดฟิลเลอร์ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญ และใช้ฟิลเลอร์แท้เท่านั้น
เพราะหากฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ ผลที่ได้อาจไม่ปลอดภัย อาจเกิดการอักเสบ บวมแดง จนถึงขั้นติดเชื้อได้
และหากฉีดด้วยฟิลเลอร์ปลอม ก็อาจทำให้เกิดพังผืดจากการไม่สลายตัวของฟิลเลอร์ปลอม ซึ่งหากเกิดอาการแบบนี้จะต้องไปขูดเอาฟิลเลอร์นั้นออกมา แตกต่างกันกับฟิลเลอร์แท้ที่จะสามารถสลายตัวเองได้
เพราะฉะนั้น การฉีดฟิลเลอร์ควรฉีดโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์และฉีดฟิลเลอร์แท้เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและเพื่อผลลัพธ์ที่ดี
– ทำ HIFU
สำหรับใครที่มีปัญหาริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อยไม่ตึงกระชับ และอยากมีผิวที่เรียบเนียนไร้รอยย่นแบบเห็นผลเร็ว แต่ไม่อยากเจ็บตัว การทำ HIFU คือตัวเลือกที่ดีไม่น้อยเลยค่ะ
เพราะการทำ HIFU สามารถทำให้ผิวตึงกระชับขึ้นได้โดยที่ไม่มีการลงมีดหรือลงเข็ม แต่จะใช้การปล่อยคลื่นอัลตร้าซาวด์ที่มีความเข้มข้นสูงลงสู่ผิวหนังชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System)
เพราะเมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังชั้น SMAS จะหย่อนตัว ทำให้ผิวหย่อนคล้อยไม่ตึงกระชับ การปล่อยคลื่นอัลตร้าซาวด์ที่มีความเข้มข้นสูงเข้าไปทำให้ผิวหนังชั้น SMAS หดตัว จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิว ซึ่งจะช่วยยกกระชับผิว ทำให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ได้นั่นเองค่ะ
การทำ HIFU เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเรื่องของริ้วรอย ความหย่อนคล้อยไม่ตึงกระชับของผิว และอยากมีผิวที่ดูอ่อนเยาว์
โดยข้อดีของการทำ HIFU ก็คือ จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์ หลังทำจะไม่มีอาการบวมหรือช้ำ เพราะไม่มีการลงมีดหรือเข็ม จึงไม่ต้องพักฟื้น
ใครที่มีปัญหาริ้วรอย ความหย่อนคล้อย แต่ไม่อยากไปฉีด Botox หรือ Filler การทำ HIFU ก็เป็นทางเลือกที่ดีเลยค่ะ
– ทำ Treatment
สำหรับใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส การทำทรีทเม้นท์เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะจัดการกับปัญหากวนใจของคุณได้เป็นอย่างดี
เพราะการทำทรีทเม้นท์ จะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพ คืนสมดุลให้ผิวกลับมาชุ่มชื้น และกระจ่างใสขึ้นได้
ซึ่งการทำทรีทเม้นท์นั้นจะได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น หากทำอยางสม่ำเสมอ ทำโดยผู้เชี่ยวชาญจากคลินิกหรือสถาบันเสริมความงามที่ได้มาตรฐาน และหากใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดี มีคุณภาพ ก็จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจยิ่งขึ้นได้ค่ะ